MLM Business School Online

                  ทญ.ลพา วัชรศรีโรจน์ ประธานผู้ก่อตั้ง บริษัท เอม สตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดเผย “เส้นทางนักขาย” ว่า ขณะนี้บริษัทได้สรุปยอดขายรวมตลอดปี 2552 ออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ผลปรากฏว่าบริษัทฯสามารถทำยอดขายได้ถึง 1,930 ล้านบาท และมีสมาชิกในปัจจุบันถึง 500,000 รหัส ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้น เป็นเพราะวัฒนธรรมองค์กรของเอมสตาร์ ที่อยู่บนพื้นฐานการสร้างองค์กรธุรกิจบนแนวทางที่ถูกต้อง 
                  สำหรับเป้าหมายในปี 2553 ทญ.ลพากล่าวด้วยความมั่นใจว่า จะเป็นปีที่บริษัทฯเปิดแนวรุก และตั้งเป้าหมายเติบโตอย่างชัดเจนที่สุด โดยคาดว่าจะสามารถสร้างฐานสมาชิกได้ถึง 3,000,000 รหัส หรือหมายถึงการเข้าถึงครอบครัวคนไทย 3,000,000 ครัวเรือน พร้อมกับสร้างยอดขายได้ถึง 15,000 ล้านบาท ด้วยศักยภาพของเครือข่ายขายตรงอย่างแท้จริง
                  ทั้งนี้สำหรับปัจจัยที่จะส่งให้เอมสตาร์ก้าวไปถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้นั้น ปัจจัยสำคัญอันดับแรก คือ แผนธุรกิจ และ ผู้นำนักธุรกิจเอมสตาร์ ที่ยังคงรักษาความสำเร็จไว้ได้ด้วยดี เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มีความเข้าใจในธุรกิจเครือข่าย การเป็นนักธุรกิจเครือข่ายมืออาชีพ หากสังเกตุจะพบว่าบริษัทฯรุกหนักทางด้านการฝึกอบรมมาตั้งแต่ 2 ปีแรก 
                  ล่าสุดในคอร์สเดอะวินเนอร์ ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี มีคนเข้าร่วมประชุมเต็มอัฒจรรย์หมดทั้ง 3 ชั้น  โดยที่ไม่ใช่การประชุมที่เน้นการโมติเวท แต่ทุกคนเข้ามาเพื่อหาตัวตน ความสำเร็จ และสิ่งที่ต้องการในชีวิต จากประสบการณ์จริงของผู้สำเร็จคนอื่น  ถือเป็นยุคใหม่ของการสร้างเครือข่ายอย่างแท้จริง
                  ปัจจัยที่สองคือการรองรับด้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งการรองรับการผลิตสินค้าของบริษัทฯนั้น ได้มีการเตรียมตัวรับการเจริญเติบโตของสมาชิกมาตั้งแต่ต้น เอมสตาร์ไม่ได้ใช้โรงงานเพียงโรงงานเดียวผลิตสินค้าเป็นร้อยรายการ แต่บริษัทฯเลือกใช้โรงงานที่มีคุณภาพหลายแห่งในการผลิต อีกทั้งโรงงานการผลิตสินค้าของบริษัทฯแต่ละแห่ง ล้วนเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุด เป็นโรงงาน OEM อันดับ 1 ของประเทศไทย
                  ปัจจัยที่สาม การพัฒนาทางด้านไอที   จุดนี้บริษัทฯได้ใช้งบลงทุนในการพัฒนา เพื่อรองรับการเติบโตไว้แล้วแต่แรกเช่นเดียวกัน
                  ปัจจัยที่สี่คือศูนย์สาขาของบริษัท ที่ปัจจุบัน มี 2 ศูนย์ ในต่างประเทศ คือ ประเทศญี่ปุ่น และ กัมพูชา ส่วนในประเทศไทยมีทั้งหมด 15 ศูนย์  เป้าหมายต่อไปคือการขยายศูนย์ในต่างประเทศเพิ่มอีก 2 ศูนย์ คือที่ อินเดียและสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศไทยตั้งเป้าว่าจะมีการขยายเพิ่มอีกทั่วประเทศจำนวน 15 ศูนย์ รวมเป็น 30 ศูนย์
                  “หลายๆสิ่งที่เราทำ เพราะเอมสตาร์ต้องการตอกย้ำให้รู้ว่า เราเอาจริง เรายังคงยืนหยัดว่าเราเป็นธุรกิจ ที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง เราไม่ได้กู้เงินสักนิดมาทำธุรกิจ สมาชิกจึงมีความมั่นใจได้ว่า สิ่งที่สร้างจะมีความมั่นคง ตกทอดเป็นมรดกได้ ทุกอย่างตอบโจทย์สมาชิกได้ เรียกว่ายุคนี้เราจะได้เห็นคนทำธุรกิจด้วยจิตวิญญาณ ส่งมอบความสวยงามทางธุรกิจ โดยนักธุรกิจเอมสตาร์อย่างแท้จริง”
                  นอกจากนี้ สำหรับความสำเร็จในปีที่ผ่านมาของเอมสตาร์ ยังส่งผลให้พนักงานได้รับอนิสงค์ผ่านยอดโบนัสประจำปีอีกด้วย และมีพนักงานจำนวนหนึ่ง ได้รับเงินโบนัสสูงสุดถึง 12 เดือน
                  “บางครั้งเอมสตาร์อาจสะดุดหูสะดุดตาใครไปบ้าง แต่ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง สามารถเช็คได้ทุกอย่าง แม้แต่นักธุรกิจเอมสตาร์ ยังกล้าถ่ายเสต็ทเม้นท์ตีพิมพ์ลงวารสาร One World โชว์อีกด้วย ดังนั้นสิ่งที่เอมสตาร์กลัวที่สุด ไม่ใช่การถูกหมั่นไส้จากใคร แต่เป็นความกลัว ที่พี่น้องชาวไทยจะถูกกักขัง ให้ห่างไกลความสำเร็จมากกว่า  เพราะถ้าทุกคนมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ ก็มาแข่งกันดีกว่า ว่าใครจะเป็นคนพาผู้คนเหล่านั้นไปสู่ความสำเร็จได้มากกว่ากัน  เพราะตอนนี้โอกาสดีๆ มันไร้พรหมแดนแล้ว อีกอย่างหมอมั่นใจว่า เอมสตาร์เป็นทองแท้ที่ไม่กลัวไฟอย่างแน่นอน” ทญ.ลพา กล่าวทิ้งท้าย 
                  อย่างไรก็ตามสำหรับ ลำดับขั้นการเติบโตยอดธุรกิจของ บริษัท เอม สตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด นั้น ในปี 2549 มียอดธุรกิจ 54 ล้านบาท, ปี 2550 มียอดธุรกิจ 126 ล้านบาท, ปี 2551 มียอดธุรกิจ 398 ล้านบาท และ ปี 2552 มียอดธุรกิจ 1,930 ล้านบาท

อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 172 ปักษ์หลัง ประจำวันที่ 16-31 มกราคม 2553