‘สาวเชียงใหม่’หอบเอกสารวอนรัฐช่วย! น้ำตาท่วม‘แชร์ชั่ว’เชิด‘รถวีโก้’หนี

02:27 / เขียนโดย Nuthapong Palalop /

‘สาวเชียงใหม่’หอบเอกสารวอนรัฐช่วย! น้ำตาท่วม‘แชร์ชั่ว’เชิด‘รถวีโก้’หนี

“สาวเชียงใหม่” หอบเอกสารวอน “เส้นทางนักขาย” ตีแผ่แฉ “ขบวนการแชร์ชั่ว” อ้างเว็บเทรดราคาทองคำล่วงหน้า www.wsd-nz.com และ www.gwclubs.com เผย “สูญเงินแสน” แถมถูกเชิด “กะบะวีโก” หายเข้ากลีบเมฆ ร่ำไห้

วอนหน่วยงานรัฐช่วยลากคอ ขบวนการแสบเข้าตาราง ชี้มีผู้เสียหายยังไม่ออกโรงอีกเพียบ!



     เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา นางสาวศุภาพัทธ์ วงศ์มณีภูสกุล อายุ 58 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 130/178 หมู่ที่ 9 ต.แม่เหี่ยะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100 ได้ติดต่อมายัง “กองบรรณาธิการเส้นทางนักขาย” พร้อมกับนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับคดีความ ที่ต้องการร้องเรียนเข้ามาชี้แจง
     โดยนางสาวศุภาพัทธ์ เปิดเผยว่า ประมาณเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตนได้ถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนกับเว็บไซต์ ที่อ้างว่าเป็นการลงทุนเพื่อซื้อขายราคาทองคำล่วงหน้า ที่ www.wsd-nz.com ภายใต้การบริหารของ บริษัท GLOBAL TRUE WEALTH และให้ลงทะเบียนสมาชิกที่ www.gwclubs.com โดยก่อนหน้านี้กลุ่มเพื่อนของตนหลายคน ก็เคยลงทุนกับบริษัทดังกล่าวแล้วได้รับผลตอบแทนกลับมาจริงประมาณ 2 งวด อีกทั้งบริษัทก็มีเอกสารการจดทะเบียนบริษัทจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายใต้ชื่อ บริษัท โกลบอล ทรูเวลท์ (ประเทศไทย) จำกัด ทะเบียนเลขที่ 0117354807396 และ เอกสารจากกลต. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มาแสดงว่าบริษัทมีตัวตนจริง และถูกต้องตามกฏหมาย ตนจึงหลงเชื่อ
     “ตอนนั้นเห็นเพื่อนได้เงินจริงดิฉันก็สนใจ จึงตัดสินใจลงทุนงวดแรกไปในวันที่ 10 พฤษภาคม จำนวน 114,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าจะได้รับเงินปันผลทั้งหมด 6 ครั้ง ครั้งละ 45,600 บาท ซึ่งเงินก้อนนี้ ดิฉันก็ได้มาจากการถูกชักชวนจากคนในบริษัท ให้นำรถกะบะโตโยต้าวีโก้ ไปจำนองกับผู้รับจำนองรถรายหนึ่ง ที่มาทราบที่หลังว่าเป็นคนในขบวนการเดียวกัน
     และหลังจากที่ลงทุนในงวดแรกไปแล้ว การจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 1 ดิฉันก็ได้เงินกลับมาจริง จึงตัดสินใจลงทุนเพิ่มอีกครั้งในวันที่ 12 พฤษภาคมเป็นจำนวนเงิน 11,400 บาท และ ลงทุนเพิ่มวันที่ 18 พฤษภาคมอีก 22,800 บาท แต่ปรากฎว่าหลังจากที่ได้รับเงินปันผลในงวดแรกและงวดที่สองไปแล้ว เมื่อครบกำหนดการจ่ายเงินปันผลรอบที่ 3 ดิฉันกลับไม่ได้รับเงินปันผลแต่อย่างใด โดยวันที่ ดิฉันได้รับเงินปันผลครั้งสุดท้ายจากการลงทุนครั้งนื้คือวันที่ 20 พฤษภาคมเท่านั้น” นางสาวศุภาพัทธ์กล่าว
     ทั้งนี้เมื่อตนเข้าไปสอบถาม ประธานบริษัทขณะนั้น ที่ตอนแรกอ้างว่าชื่อ ท่านรองอาทิตย์ บุนนาค ภายหลังตรวจสอบพบอีกว่าเป็นชื่อ-นามสกุลปลอมทั้งหมด โดยมีชื่อจริงคือ นายมนตรี ศิริมา มีฉายาว่า เสือเตี้ย ได้อ้างว่าจะรีบจ่ายเงินให้ภายใน 2 – 3 วัน เนื่องจากราคาเทรดทองคำผันผวน ซึ่งตนก็อดทนรอจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม แต่ก็ไร้วี่แววว่าจะได้รับผลตอบแทนแต่อย่างใด
     กระทั่งวันที่ 10 มิถุนายน ตนได้เดินทางเข้าไปยังสำนักงาน บริเวณวัดเจ็ดยอด ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อสอบถามความคืบหน้า แต่ปรากฎว่าสำนักงานดังกล่าวถูกปิดและผู้เกี่ยวข้องทุกคนได้หนีหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่สามารถติดต่อโทรศัพท์ได้ทุกหมายเลข โดยอาคารสำนักงานดังกล่าว ทราบว่าเป็นเพียงห้องที่ถูกเช่าชั่วคราวเพื่อดำเนินการเท่านั้น ไม่ใช่การลงทุนของบริษัทเองแต่อย่างใด ที่สำคัญเอกสาร การจดทะเบียนบริษัทจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ เอกสารจากกลต. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทั้งหมดถูกตรวจสอบภายหลังว่าเป็นเอกสารที่ถูกปลอมขึ้น
     “วันที่ 11 มิถุนายน 2552 ดิฉันได้เข้าแจ้งความกับ สถานีตำรวจภูธรตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ตำรวจจึงออกหมายจับ เสือเตี้ย หรือนายมนตรี ศิริมา และ ลูกน้องในทีมอีก 2 คน ได้แก่นายสมจิตร จันทร์ดิษฐ์ และ นางสาวกนกภรณ์ กิตติกรไพศาล ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกงประชาชน, ใช้ชื่อหรือยี่ห้อ บริษัท จำกัด โดยมิได้เป็นบริษัทจำกัดตามกฏหมาย ซึ่งตอนนี้บุคคลทั้ง 3 ก็ยังคงหลบหนีคดีอยู่ ส่วนรถกะบะวีโก้ที่ดิฉันนำไปจำนองก็หายไปเช่นกัน จนถึงขณะนี้ดิฉันกำลังจะถูกบริษัทรถฟ้อง เพราะไม่มีเงินผ่อนต่อ ลูกก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม ล่าสุดดิฉันเลยเดินทางลงมากรุงเทพเพื่อนำเอกสารทั้งหมดเข้าไปร้องเรียนต่อ กองปราบปราม ให้ช่วยดำเนินคดีนี้ให้ด้วย” นางสาวศุภาพัทธ์กล่าวทั้งน้ำตา
     อย่างไรก็ตามนางสาวศุภาพัทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ฯลฯ รีบเข้ามาช่วยเหลือจับกุมกลุ่มคนดังกล่าวเป็นการด่วน เพราะนอกจากตนที่ได้รับความเสียหายแล้ว ยังมีเพื่อนและบุคคลอื่นอีกจำนวนมากที่ยังไม่กล้าออกมาเรียกร้องสิทธิ์ คาดว่าความเสียหายรวมแล้วอาจสูงนับหลายสิบล้านหรืออาจถึงร้อยบาท แต่บางรายที่ยังไม่กล้าออกมาแจ้งความ เพราะยังห่วงภาพพจน์ทางสังคม เนื่องจากหลายคนเป็นข้าราชการระดับสูง ที่สำคัญกว่านี้ตนยังทราบข่าวจากคนในวงการขายตรงมาว่า นายมนตรีกำลังจะหนีออกนอกประเทศ ส่วนทีมงานอีก 2 คนยังคงวนเวียนอยู่ในเขตใกล้กรุงเทพฯ เตรียมทำบริษัทขายตรงหลอกลวงคนอื่นต่อไปอีกด้ว


อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 167 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 พฤศจิกายน 2552

ป้ายกำกับ: , , , , , , , , , , ,

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น