‘นายกฯ’เซอร์ไพรส์งาน‘TDSA’ ลั่นรบ.หนุนขายตรงโตช่วยศก.
“นายกฯอภิสิทธิ์” บิ๊กเซอร์ไพรส์! เปิดงาน “วันเกียรติยศนักขายตรงไทย”ครั้งที่ 9 ชมเปาะ! “ขายตรง” ธุรกิจสร้างสรรค์ ช่วยเศรษฐกิจ-พัฒนาประเทศชาติ ลั่น!พร้อมให้กำลังใจนักขายทั่วประเทศร่วมฝ่าวิกฤต เรียกเสียงเฮ 3,000 ชีวิต
สนั่นฮอล แนะต่อทุกคนต้องร่วมมือปราบเหลือบธุรกิจ สร้างภาพลักษณ์ธุรกิจให้ดีขึ้น “พญ.นลินี” นายกสมาคมฯ เผย 26ปีของการก่อตั้ง สุดภูมิใจสร้างคนดีมีรายได้หลายล้านคนทั่วไทย ให้คำมั่น สมาคมฯพร้อมเดินเคียงข้างนักขายตรง เดินหน้ายกระดับทัดเทียมนานาชาติ
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา สมาคมการขายตรงไทย (TDSA) ได้จัดงาน “วันเกียรติยศนักขายตรงไทย” ครั้งที่ 9 ภายใต้แนวคิด “Rise to Greater Success”หมายถึง การพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เพื่อตอกย้ำและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักธุรกิจอิสระ สำหรับการจัดงานนั้นนอกจากจะเป็นการเชิดชูเกียรติให้แก่นักขายตรงดีเด่น และแสดงศักยภาพตลอดจนความมั่นคงของธุรกิจขายตรงไทยแล้ว ยังเป็นการร่วมกันแสดงพลังความสามัคคีในกลุ่มสมาชิกของสมาคมทั้งหมดให้สาธารณชนได้รับทราบมากยิ่งขึ้นด้วย
โดยมีนักขายตรงเข้าร่วมรับโล่เกียรติยศ รางวัล “นักขายตรงดีเด่น” จำนวน 79 รหัส 107 ท่าน จากบริษัทสมาชิก 28 บริษัท และและมีนักขายตรงมาร่วมแสดงพลังและศักยภาพ มากกว่า 3,000 คน ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์บอลรูม ชั้น 2 คอนเวนชั่นฮอลล์ (ตึกฮอลล์9) เมืองทองธานี จ.นนทบุรี
ทั้งนี้ภายในงานดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน และ ร่วมปาฐกถาภายใต้หัวข้อ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์กับธุรกิจขายตรง” โดยกล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติให้มาร่วมเปิดงาน วันเกียรติยศนักขายตรงไทยประจำปี 2552 ได้มาเห็นการรวมพลครั้งใหญ่ของสมาชิกนักขายตรงไทยในวันนี้
สำหรับธุรกิจขายตรงนั้น ถือเป็นอีกธุรกิจหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ และการพัฒนาของประเทศ เป็นธุรกิจที่มีความเคลื่อนไหวและมีสีสันในวงการเศรษฐกิจโลก ปัจจุบันมีสินค้าเป็นจำนวนมากที่ขายผ่านธุรกิจขายตรง ซึ่งเป็นรูปแบบการค้าในเชิงสร้างสรรค์ประการหนึ่ง เพราะถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้มีทางเลือกในการซื้อมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็ได้ช่วยให้ผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจของตนเอง เริ่มต้นได้ง่ายขึ้นด้วย
ธุรกิจขายตรงมีการขยายตัวเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการประมาณการณ์กันว่า ยอดขายทั่วโลกในปัจจุบันนั้น เป็นจำนวนเงินมากถึง 102,000 พันล้านดอลล่าสหรัฐ หรือมากกว่า 3 ล้านล้านบาท และมีพนักงานขายตรงมากกว่า 58 ล้านคน
สำหรับประเทศไทยนั้น ก็มัการประมาณการณ์ว่า ปัจจุบันยอดขายรวมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนสมาชิกไม่ต่ำกว่า 9 ล้านคน ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าธุรกิจขายตรง สามารถกระจายสินค้า สร้างโอกาส สร้างรายได้ และสร้างความมั่นคงให้กับคนได้จำนวนมาก จึงถือเป็นความสำเร็จและเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนจำนวนมากเช่นกัน
“ผมทราบดีว่าในช่วงที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจอันเนื่องมากจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา กลับยังมีสมาชิกเข้ามาประกอบอาชีพขายตรงเพิ่มมากขึ้น ถึงร้อยละ20 และทราบจากท่านนายกสมาคมการขายตรงไทยว่า ธุรกิจนี้ก็ยังคงมีอัตราเจริญเติบโตในปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นการยืนยันว่า ธุรกิจน่าจะมีทิศทางแนวโน้มไปในทางบวก แม้ว่าในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ธุรกิจขายตรงก็ยังคงเป็นทางเลือกสำคัญของหลายๆฝ่าย ผมก็ขอถือโอกาสนี้เป็นกำลังให้กับทุกๆท่าน ในการที่จะฝันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ไปด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ตนหวังว่าทางสมาคมการขายตรงไทย จะมีบทบาทในการส่งเสริมให้ธุรกิจขายตรงในประเทศ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลประสิทธิภาพ จรรยาบรรณ และการสร้างสรรค์ การพัฒนาธุรกิจประเภทนี้
“แม้ว่าธุรกิจขายตรงจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีปัจจัยบางอย่างที่เป็นอุปสรรคในการที่จะทำให้ขยายตัวต่อไป ปัจจัยประการหนึ่งคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของภาพลักษณ์ ที่เป็นภาพลักษณ์ในด้านลบหรือความไม่เข้าใจ หรือการที่มีธุรกิจอื่นๆแอบแฝงเข้ามา ในรูปของธุรกิจขายตรง ซึ่งสิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุดก็คือ การไม่ปล่อยให้พฤติกรรมและสิ่งต่างๆเหล่านี้ มาบั่นทอนภาพรวมของธุรกิจที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขายสินค้าที่อวดอ้างสรรพคุณเกินความเป็นจริง หรือบางครั้งเป็นสินค้าที่ด้อยคุณภาพ หรือราคาแพงเกินจริง
นอกจากนี้ ก็ยังมีปัญหาของผู้ที่ประกอบธุรกิจบางราย ที่พยายามสร้างรายได้ จากการระดมคนระดมทุน มากกว่าที่จะเป็นการจำหน่ายสินค้า ที่เป็นลักษณะของการดำเนินธุรกิจขายตรงอย่างแท้จริง เหล่านี้ก็จะเป็นตัวที่บั่นทอนอนาคตของธุรกิจนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับภาครัฐเองก็มีกฏหมายและมีหน่วยงานเข้ามาช่วยกำกับดูแล คือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสมาคมฯและสมาชิกของสมาคมฯ จะได้มีส่วนในการร่วมมือกับทางคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ดูแลในการแก้ไขปัญหานี้ด้วย
เนื่องจากปัจจุบันประชาชนทั่วไป จะมีความคาดหวังในมาตรฐานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาในเรื่องของการบริการหลังการขาย หรือลักษณะของการรับประกันสินค้า เหมือนกับการซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกหรือร้านค้าทั่วไป
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ธุรกิจขายตรงจะดำรงความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย และมีส่วนช่วยสร้างงานสร้างรายได้ ให้พี่น้องประชาชนไทยจำนวนหนึ่ง ได้อย่างมั่นคงยั่งยืนสืบต่อไป และหากเป็นไปได้ ให้เป็นความหวังของผู้ที่กำลังศึกษาหรือผู้จบการศึกษา ได้เป็นทางเลือกหนึ่งในการ ที่จะประกอบอาชีพเลี้ยงดูตัวเองต่อไป หวังว่าท่านทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ จะได้ช่วยกันสร้างความรู้ ความเข้าใจ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สมาคมฯจะสร้างนักขายตรงที่มีประสิทธิภาพและได้รับรางวัลมาตรฐานเหล่านี้เพิ่มขึ้นในทุกๆปี พร้อมทั้งขอให้ทุกท่านรักษามาตรฐานในการประกอบวิชาชีพนี้ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของธุรกิจการขายตรงในประเทศไทย ให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนและสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง ต่อตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติสืบต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย
ทางด้าน พญ.นลินี ไพบูลย์ นายกสมาคมการขายตรงไทย และ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะของนายกสมาคมฯ ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ทุกคนได้เห็นมารวมพลอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ที่จริงแล้วตนอยากจะเรียนท่านนายกรัฐมนตรีว่า นี่เป็นเซอร์ไพรส์ที่ทางสมาคม ยังไม่ได้บอกผู้เข้าร่วมงานในวันนี้ เพราะ ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญชิ้นพิเศษกับทุกคนอย่างแท้จริง ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 2 อย่าง อย่างแรก คืออยากให้ท่านนายกฯให้กำลังใจพวกเราชาวขายตรง และประการที่สองพวกเราทุกคนในห้องนี้ พร้อมที่จะให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรีเช่นกัน”
ทั้งนี้สิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจในสมาคมการขายตรงไทยก็คือ การคัดกรองสมาชิกที่เข้าร่วมในสมาคมอย่างดีที่สุด โดยจะต้องสามารถปฎิบัติตามจรรยาบรรณ ของสมาพันธ์การขายตรงโลก สามารถปฏิบัติตามพรบ.ขายตรงฯ ซึ่งทางสคบ.เป็นผู้ดูแล ต้องมีผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคยอมรับในราคาที่ยุติธรรม ดูแลผู้บริโภคอย่างดีที่สุดและพร้อมที่จะดูแลนักธุรกิจเครือข่าย ให้ก้าวเข้ามาเป็นผู้ที่รับผิดชอบดูแลทีมงานและสังคม มีแผนการดำเนินธุรกิจที่ไม่สร้างความกดดันให้กับประชาชน ไม่ระดมทุนและไม่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ
“เรายังได้สร้างคนไทยที่ดีๆนับล้านคน คนไทยที่ดีๆที่จะมีรายได้เพิ่ม บางท่านอาจจะทำธุรกิจขายตรงเป็นรายได้หลักของชีวิต แต่บางท่านก็อาจจะทำธุรกิจขายตรงเป็นรายได้ที่สอง ที่ทำนอกเหนือจากงานประจำ เขาเหล่านั้นเป็นความภาคภูมิใจของทุกๆบริษัทสมาชิก เขาเหล่านั้นคือคนที่มีกำลังใจ ที่เข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดูแลครอบครัว เป็นอย่างดี และสอนลูกๆให้เป็นคนดี เป็นคนที่ไม่เป็นภาระต่อประเทศชาติ รัฐบาลและสังคม พร้อมที่จะเป็นหน่วยหนึ่งของคนไทย ที่จะร่วมกันรับผิดชอบและดูแลประเทศชาติ อันเป็นที่รักของเราอย่างเข้มแข็งตลอดไป
สำหรับในปีนี้สมาคมการขายตรงไทย ดำเนินการมาครบรอบ 26 ปี และขอยืนยันที่จะยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามปณิธานที่ตั้งไว้สืบไป เพื่อเป็นแหล่งความรู้ ความน่าเชื่อถือและส่งเสริมกิจกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรง อันจะส่งผลให้ธุรกิจขายตรงเติบโตยิ่งขึ้นในระยะยาว และสร้างสรรค์พัฒนาให้ทัดเทียมกับนานาประเทศต่อไป” พญ.นลินี กล่าว
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 7 ฉบับที่ 167 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 พฤศจิกายน 2552 ป้ายกำกับ: ขายตรง, ธุรกิจขายตรง, ธุรกิจเครือข่าย, ธุรกิจ mlm, agel, amway, herbalife, mlm, network marketing, nuskin, unicity, usana
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น